ช่างก่ออิฐแชมป์โลก เริ่มช้าดีกว่าไม่กล้าเริ่ม

ช่างก่ออิฐแชมป์โลก

ช่างก่ออิฐแชมป์โลก คนอื่นเขานำไปเยอะแล้ว เริ่มตอนนี้คงช้าไป

ช่างก่ออิฐแชมป์โลก ปีเดียวที่ ไนจีเรีย ลำบากและน่าจดจำ มากพอจนทำให้ แอนโธนี่โจ ชัวสักแผนที่ประเทศ
ไนจีเรียไว้ที่ไหล่ ขวาในภายหลัง เพื่อเตือนตัวเองว่าเขาภูมิใจแค่ไหนที่ ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้.. เมื่ออายุ
12 ปี เขาและครอบครัวกลับมาอยู่ที่อังกฤษอีกครั้ง ในเมืองวัตฟอร์ดเหมือนเดิม หนนี้เขาเปลี่ยนแปลงไปแบบไม่
รู้ตัว การปรับตัวและเรียนรู้จากที่ ไนจีเรียทำให้เขาแข็ง แกร่งผิดปกติ

ชนิดที่ว่าเด็กรุ่นไล่ๆกันเทียบ ไม่ติดผมกลับมาที่วัตฟอร์ดตอนอายุ 12 ปี ก็เจอหน้ารุ่นพี่รุ่นน้องที่อยากจะรับน้อง
ผมทันที เขาอยากจะลองว่าผมเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เขาบอกให้ผมลองชกที่ท้องของเขาดู ทันทีที่เขาสั่งผมก็
ซัดเต็มข้อ ตู้ม!.. เท่านั้นแหละ ผมถึงได้รู้ว่าเมื่อกลับมาจากไนจีเรีย ร่างกายผมแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ
เลย” ความแข็งแกร่ง

บวกกับการเป็นเด็กตัวใหญ่ ทำให้เขาเล่นกีฬาเก่งแทบทุกอย่าง แต่แค่ไม่เคยชกมวยจริงจังเท่านั้นเอง เวลาผ่าน
ไปเกือบ 6 ปีหลังจากกลับมา จากไนจีเรียโจ ชัวมีโอกาสได้ใส่นวม ลองชกครั้งแรก และมันทำให้เขารู้สึกว่า
ไปอยู่ที่ไหนมา? ทำไมเพิ่งมารู้จักชกมวยเอาตอนนี้?”เขาอายุ 18 ปีแล้ว และสำหรับนักมวยอาชีพนั้น น้อยคน
มากที่จะเริ่มต้นฝึกมวยจริงจังหลังอายุ 15 ปีเป็นต้นไป.. ไมค์ ไทสัน

ช่างก่ออิฐแชมป์โลก

ต่อยระดับสมัครเล่นตั้งแต่อายุ 16 ปี, ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เป็นแชมป์โลกโอลิมปิกจูเนียร์, แมนนี่
ปาเกียว หัดชกมวยตั้งแต่จำความได้ แต่ แอนโธนี่โจ ชัวนั้นเพิ่งมาฝึกพื้นฐานตอนอายุ 18 และนี่ถือว่าเป็น
อะไรที่ช้ามากสุดๆ หากเขาหวังจะเป็นนักชกอาชีพระดับแชมป์โลก นี่คือเส้นทางที่ยากมากๆที่จะไปถึงจุดนั้นได้
“ผมไม่เคยเข้าโรงยิม ตอนเด็กๆผมบ้าเตะฟุตบอล เตะทั้งวี่ทั้งวัน ดูบอลสด

แต่พอได้มาลองชกมวยดูแล้ว เชื่อมั้ยล่ะ? ผมไม่เคยกลับไปเล่นกีฬาอื่นอีกเลย และแปลกมากที่ผมรู้ว่าชีวิตนี้ผม
ไม่เคยมีวินัยกับสิ่งไหนมากเท่ากับการชกมวยอีกแล้ว.. ผมไม่รู้ผมไปอยู่ไหนมา ทำไมเพิ่งมารู้ตัวเอาป่านนี้ ผม
ไม่เคยดูมวยในโทรทัศน์เลยด้วยซ้ำ ณ ตอนนั้นโจ ชัวเล่าย้อนความ เริ่มช้าดีกว่าไม่เริ่มโจ ชัวเอาจริงกับ
การชกมวยอย่างที่เขาบอก สิ่งที่ต้องยอมใจคือ

เขาคิดภาพอนาคตและวางแผนไว้ไกล เขาหวังที่จะได้เหรียญ

ทองโอลิมปิก และเป็นแชมป์โลก ประเด็นสำคัญที่สุดคือเขาไม่ได้แค่หวัง แต่เขาพยายามทำอย่างถึงที่สุดโดย
แท้จริงโจ ชัวเริ่มชกปี 2008 และกลายเป็นนักชกมวยสมัครเล่นระดับพอมีทรง ด้วยความแข็งแรงของร่างกาย
และเป็นมวยสมองในเวลาเดียวกัน หลายคนอาจจะไม่รู้ว่างานอดิเรกของโจ ชัวตั้งแต่อยู่ไนจีเรียคือการเล่น
หมากรุก และเขาพูดเสมอว่า หมากรุกทำให้เขาได้ฝึกทักษะการวางแผนและกลยุทธ์ต่างๆ

ซึ่งสามารถเอามาปรับใช้กับการชกมวยได้เป็นอย่างดี หมากรุกก็เหมือนชกมวย การเดินแต่ละครั้ง ก็เหมือนกับคุณ
อยู่บนสังเวียน คุณมองหาวิธีกินคู่ต่อสู้ให้ได้ หยุดการเดินหน้าของพวกเขา และตอบโต้ด้วยการโจมตีกลับ คุณ
ต้องคิด 2 ชั้นตลอดเวลาโจ ชัวว่าไว้ความสมบูรณ์แบบที่ได้ ทั้งบู๊และบุ๋นทำให้มีเอเย่นต์ มาติดต่อเขาเข้าสังกัด
โดยมีค่าเซ็นสัญญา 50,000 ปอนด์ เพื่อให้โจ ชัวเทิร์นโปร.. ต้องเข้าใจก่อนว่า บ้านเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไร

ในช่วงที่เขาเป็นนักมวยสมัครเล่น รายได้ไม่ค่อยดีนัก และเขาต้องทำมันพร้อมๆกับการ เรียนในมหาวิทยาลัยด้วย
ด้งนั้น เขาจึงเคยมีอาชีพเป็นคนรับจ้างก่ออิฐในไซต์งานก่อสร้างจากการชักจูงของลูกพี่ลูกน้อง ที่ช่วยทำให้โจ ชัว
มีเงินใช้จ่ายในแต่ละเดือน 50,000 ปอนด์ คือเงินที่เยอะมากสำหรับคนที่มีอาชีพก่ออิฐ หากเป็นคนอื่นคงจะเลือก
เดินทางนี้ไปแล้ว ทว่าโจ ชัวปฎิเสธเงิน 50,000 ปอนด์ดังกล่าว

เพราะเขารู้ดีกว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ประสบการณ์เขายังน้อย เขาจะตั้งเป้าไปที่การชิงเหรียญทองโอลิมปิก
ที่สหราชอาณาจักรเป็นเจ้าภาพในปี 2012 ก่อน นั่นคือช่วงเวลาที่เขาพร้อมที่สุด และสามารถเป็นนักมวยอาชีพได้
นลูกศิษย์ระดับบ๊วยๆของผมเลย” นี่คือคำกล่าวของครูฝึกคนแรกของเขา และเป็นเหตุผลที่ทำให้โจ ชัวต้องการ
ฝึกพื้นฐานให้แน่นและ พิสูจน์ตัวเองให้ได้ก่อนจะเหยียบบันได ขั้นต่อไปสุดท้ายจาก การฝึกมวยเพียง 4 ปี

ช่างก่ออิฐแชมป์โลก

แอนโธนี่โจ ชัวมาไกลจนถึงขั้นคว้าเหรียญทอง โอลิมปิกในรุ่นเฮฟวี่เวตได้จริงๆ ซึ่งหลังจากไม่มีอะไรต้องพิชิต
อีกแล้วในระดับสมัครเล่นโจ ชัวก็ได้เวลาเดินหน้าเข้าหา ความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง นั่นคือโลกของมวยอาชีพ
ที่ยากกว่าเยอะ แต่ก็ทำเงินได้มากกว่าแยะ เช่นกันจากไนจีเรียถึงผู้ รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ของประเทศอังกฤษ
ชีวิตของ แอนโธนี่โจ ชัวเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง และท้าทายอยู่เสมอ สิ่งเดียวที่ทำให้เขามีเข็มขัด
แชมป์โลก

อยู่ที่เอวและกลายเป็นผู้ทรง อิทธิพลระดับประเทศได้ คือการรับมือกับ ความเปลี่ยนแปลง และท้าทายนั้นด้วยสติ
ความเชื่อ และความมุ่งมั่น.. ชีวิตไม่เคยง่าย แต่โอกาสเอาชนะนั้น มีอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าคุณกล้าจะลุกขึ้นมา
เสียสละตัวตนเพื่อเอา ชนะมันหรือไม่  แพ้อย่างไรให้ชนะศิลปะการต่อสู้ญี่ปุ่น

Share:

Author: admins