มีพัฒนาการ ถ้าถามว่านักฟุตบอลคนไหนกันแน่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ปรับปรุงตนเองได้เป็นอย่างยิ่งในตอนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา
มีพัฒนาการ น่าเชื่อถือว่าชื่อของ เฟร็ด ก็น่าจะเป็นหนึ่งในชื่อที่คนไม่ใช่น้อยระลึกถึงเป็นลำดับแรกๆภายหลังที่เขาเล่นได้น่าประทับใจพอสมควรจนถึงเป็นที่ชืนถูกใจของแฟนบอลนิดหน่อยไปแล้ว
แน่ๆ มันไม่ใช่ว่าฟอร์มของ เฟร็ด จะดีจนกระทั่งขั้นนำไปเปรียบเทียบชั้นกับบรรดายอดเยี่ยมกองกลางของ พรีเมียร์ลีก ในขณะนี้ได้
แม้กระนั้นมันปฏิเสธไม่ได้ว่าผลงานของเขาปรับปรุงขึ้นจากสมัยก่อนมากมาย โดยเฉพาะกับทีแรกๆๆที่มาเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด
ที่ฟอร์มตกต่ำจนกระทั่งขั้นทำให้เขากลายเป็นข่าวสารเกี่ยวกับการโดนปลดปล่อยออกจากกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเพื่อเป็นหลักฐานถึงประเด็นนั้น วันนี้พวกเราเลยมีเกร็ดที่น่าดึงดูดเกี่ยวกับ เฟร็ด ในฤดูกาลนี้มาให้ได้ดูกัน
จำต้องเห็นด้วยว่าจนกระทั่งในเวลานี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ส่งผลงานโดยรวมดร็อปกว่าซีซํ่นก่อนมาก พวกเขาพึ่งจะเก็บชัยได้เพียงแต่ 13 นัดหมายจากการลงเล่น 34 เกมในทุกรายการ, เป็นเพียงแต่ชั้น 4 ของตารางคะแนน https://www.aikijujutsu.com/
รวมทั้งไม่เข้ารอบทั้งยัง เอฟเอ คัพ แล้วก็คาราบาว คัพ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ฤดูก่อนเป็นถึงชั้น 2 ของลีก, ไปถึงรอบ 8 กลุ่มในที่สุดของ เอฟเอ คัพ และก็ทะลุถึงรอบรองชนะเลิศของ คาราบาว คัพ
แม้กระนั้น จากปริมาณ 13 เกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยได้ในฤดูกาลนั้น มีถึง 59 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นเกมที่ เฟร็ด มีส่วนร่วมด้วย ยกตัวอย่างเช่นเกมลีกนัดหมายชนะ อาร์เซน่อล 3-2 เมื่อตอนต้นธันวาคมก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา
ที่เขาทำเป็น 1 แอสซิสต์แล้วก็เรียกจุดลูกโทษได้ 1 ครั้งจนกระทั่งส่งผลให้เกิดประตูจากลูกจุดลูกโทษของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แล้วก็การเป็นคนทำแต้มชัยในเกมลีกนัดหมายชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 ในระยะเวลาใกล้ๆกัน ฯลฯ ขณะที่เวลาไม่มีเงาของ เฟร็ด แมนฯ ยูไนเต็ด มีเปอร์เซ็นต์ชนะเพียงแค่ 25 เปอร์เซ็นต์แค่นั้น
หนึ่งในแบบอย่างที่เห็นได้ชัดของสถิติด้านนี้ก็คือในเกมลีก 5 นัดหมายหลังสุดนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บความมีชัยไปได้ 3 เกม ซึ่งอีกทั้ง 3 นัดหมายที่ว่าก็มี เฟร็ด ลงเป็นตัวจริงทั้งผอง
ที่เหลือ 2 นัดหมายที่กลุ่มของ รังนิก ทำเป็นเพียงแต่เสมอกับอีกทั้ง เบิร์นลี่ย์ แล้วก็ เซาธ์หมูแฮมป์ตัน ด้วยสกอร์ 1-1 นั้น จอมบุกชาวบราสิเลียนอดลงช่วยกลุ่มด้วยเหตุว่าติดโรคไวรัสโควิด-19 นั่นเอง
นับจากที่มาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เฟร็ด ชอบรับบทบาทเป็นกองกลางตัวรับมากยิ่งกว่าตัวรุก ซึ่งในช่วงฤดูกาลนี้ เฟร็ด ก็ทำผลงานด้านเกมยอมรับได้ดีเป็นลำดับต้นๆของกลุ่ม
ได้แก่การตัดบอลแบบไม่ต้องพุ่งทิ่มที่ทำเป็น 20 ครั้ง สูงเป็นชั้น 2 ของกลุ่ม และก็การชนะจังหวะดวลตัวต่อตัวที่ทำเป็น 90 คราว ซึ่งนับว่าเป็นชั้น 2 ของกลุ่มเช่นเดียวกัน
ยิ่งกว่านั้น เฟร็ด ยังมีด้านที่ทำเป็นดีเยี่ยมที่สุดเป็นชั้น 1 ของกลุ่มด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสกัดโดนบอลที่ทำเป็น 53 ครั้ง, การเก็บบอลถึงที่กะไว้ปริมาณ 139 ครั้ง รวมทั้งการชนะในพื้นที่กึ่งกลางสนามที่ทำไปได้ 72 ครั้ง
ตั้งแต่ก่อนหน้าที่ ราล์ฟ รังนิก จะเข้ามาคุมกลุ่มนั้น เฟร็ด เคยให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาว่าตนต้องการมีส่วนร่วมกับการขึ้นเกมบุกให้เยอะขึ้นเรื่อยๆในตอนที่เล่นกับสมาพันธ์ บ้านบอล
โดยตอนเล่นให้กับ กลุ่มชาติบราซิลเขาได้มีส่วนร่วม กับการเล่นเกมรุกมากยิ่งกว่าตอนเล่นให้สังกัดเดิม และก็ทำผลงานได้น่าประทับใจจิตใจระดับหนึ่งจนกระทั่งเป็นผู้ที่ชอบถูกเลือกให้เป็นตัวจริงในหลายนัดหมายในตอนที่นายทัพ “เซเลเซา” ลงไปในสนาม
ดังนี้ ภายหลังที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โดนให้ออกจาก การเป็นผู้จัดการทีม ของกลุ่มไปแล้วนั้น เฟร็ด ก็ได้ขยับมาเล่น ตรงพื้นที่ที่สูง ขึ้นจนถึงทำ ให้มีส่วนร่วม กับเกมรุกสำหรับเพื่อการเล่นระดับ พรีเมียร์ลีก มากยิ่งกว่าเดิม
ทั้งยังในยุคของ ไมเคิ่ล คาร์ริค และก็ รังนิก เช่นการส่งบอลเข้าไปในกรอบจุดโทษที่เขาทำเป็นเฉลี่ย 1.2 ครั้งต่อเกมนับจากที่ โซลชา มิได้อยู่คุมกลุ่มอีกต่อไปแล้ว ในขณะที่ในสมัยของสมัยก่อนลำแข้งชาวประเทศนอร์เวย์นั้น เขาส่งผลงานด้านนั้นเพียงแต่ 0.6 ครั้งต่อนัดหมาย ดอร์ทมุนด์กับยูเนี่ยน
นอกนั้น เฟร็ด ยังขยับจากการผลิต ช่องทางทำแต้ม ได้เฉลี่ย 0.8 ครั้งต่อเกม มาเป็น 1.6 ครั้งต่อนัดหมายด้วย
และก็เขาก็ผ่านบอล เข้าไปในพื้น ที่ในที่สุดได้มากขึ้นจาก 14.3 คราวต่อเกมมาเป็นนัดหมายละ 16.6 ครั้ง รวมทั้งมีจังหวะ อ้าเท้ายิงเอง เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจาก 0.5 ครั้งต่อเกมมาเป็น 0.9 นัดหมายต่อครั้ง ด้วยเหมือนกัน